7.01.2552

ปรัชญาเปาโล

พระคัมภีร์บทหนึ่ง ที่ได้เอาไปแชร์กับลูกแกะ
สะท้อนความจริงบางอย่างของคริสเตียน
ที่หลงวนเวียนอยู่ใน "เนื้อหนัง"

1 โครินธ์ 3
เปาโลบอกกับเมืองโครินธ์ให้รู้ไว้ซะ
ว่าท่านน่ะ ไม่ได้เติบโตในฝ่ายวิญญาณเลย

1 โครินธ์ 2 : 9 บอกให้เรารู้ว่า
เรื่องของฝ่ายวิญญาณคือ...
สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง

อะไรคือเนื้อหนังและ อะไรคือฝ่ายวิญญาณ จาก 1 โครินธ์ 3
ด้วยวาทะของเปาโลอันมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

...ความอิจฉา ขัดเคืองใจ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย...

โลกใบนี้ก็มีการแบ่งสถาบันมากมาย
เด็กจุฬา เด็กธรรมศาสตร์ พนักงานค่ายนี้ ลูกค้าค่ายนั้น
โลโก้ต่างๆ วิ่งมาประทับตราเราตลอดเวลา

คริสเตียนในโครินธ์ ก็สร้างโลโก้ให้ตัวเอง
ด้วยการสร้างสำนักเปาโล สำนักอปอลโล (4)
แล้วก็เอาโลโก้เหล่านั้นมาสร้างพรรคพวก
เปรียบเทียบกัน และสร้างความอิจฉาโดยไม่ใช่เรื่อง

แต่เปาโลสอนพวกเขาว่า พวกเขาทั้งหมดเป็นไร่นาของพระองค์ (9)
การเติบโตเป็นพระคุณของพระเจ้า พื้นฐานทุกอย่าง มาจากพระเยซูคริสต์
การ "เป็นคนของพระคริสต์" คือ keyword ของคริสเตียน
--ยอห์น 1:12--
สถาบันการศึกษา ตราประทับองค์กร หรือตราประทับสำนัก
ไม่มีความสำคัญใดเลย

สิ่งที่มนุษย์มองเห็นและคำนึงถึงกันถ้วนหน้าในสังคม..
เป็นหยากเยื่อของชีวิตฝ่ายวิญญาณ

...การงานที่ก่อขึ้น...
การงานใดเป็นการงานของพระเจ้า จะทนอยู่ได้ และเป็นที่พิสูจน์ได้ในเวลาหนึ่ง
อาจจะเป็นวันสุดท้าย วันแห่งการพิืพากษา (13)

แล้วมนุษย์หน้าไหนจะไปกล้าพูดได้ ว่าสิ่งนี้ สิ่งนั้น มาจากพระเจ้าหรือไม่
โดยใช้สายตาฝ่ามนุษย์มองและตัดสิน พิพากษา

พระเยซูกล่าวถึงการงานของพระองค์ด้วยความมั่นใจทุกครั้ง
พยานของพระองค์ คือตัวเองและพระบิดา..
ฟาริสีก็ชี้หน้าด่า ว่าขี้ตู่
--ยอห์น 8:13--

ความจริงทั้งหมดปรากฏขึ้น ชัดเจนได้ว่าเป็นการงานของพระเจ้า
ก็เมื่อพระองค์ูถูกตรึงการเขนแล้วด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ตลอดชีวิตของพระเยซู
สิ่งที่พระองค์ทำ แต่ละเรื่อง แต่ละอย่าง...
เปลี่ยนแปลงจิตใจของคนแต่ละคน ด้วยวิธีการต่างกัน เวลาต่างกัน
มนุษย์ที่มีจิตใจคับแคบก็ตัดสินทุกอย่างตามความคิดของตน
แล้วบอกว่า นั่นดี นั่นไม่ดี นี่ไม่ใช่
ละเลยไปแล้วว่า ตนเองเป็นเพียงมนุษย์ที่จำกัด

การงานของพระเจ้าจะปรากฏให้เห็นเป็นแน่
ถ้าสายตาของเรา ไม่กว้างพอที่จะเข้าใจในผลที่มองไม่เห็น
ก็ไปรอดูเอาวันสุดท้าย (15)

...คนมีปัญญา...
ผู้คนต่างเย่อหยิ่ง ยิ่งมีมากยิ่งหยิ่ง
ถีบตัวเองขึ้นไปด้วยการโอ้อวดสำแดงความรู้ความสามารถของตน
และกดคนอื่นลง ด้วยว่าเขาด้อยกว่า ไม่มีปัญญาเทียบเท่าตัวเอง

มนุษย์ให้เกียรติกับคนฉลาดและประสบความสำเร็จ
แต่พระเจ้าให้เกียรติคนที่ถ่อมใจและให้เกียรติพระเจ้า

เปาโลบอกว่า อย่าหลอกตัวเอง ว่ามีปัญญา
ปัญญาเหล่านั้นไร้ค่าเหลือเกินในวันสุดท้าย
เพราะปัญญาของมนุษย์คือความโง่เขลาของพระเจ้า (18)
และสิ่งที่มนุษย์มองว่าโง่เขลา นั่นแหละ พระเจ้าจะยกชู

เราถูกมองว่าโง่เขลา เพราะเราไม่ได้แสวงหาเกียรติของมนุษย์
มนุษย์มองไม่เห็นสิ่งที่เขาต้องการจากเรา เขาจึงกดเราลง
แต่เมื่อเราให้เกียรติพระเจ้า พระเจ้าจะให้เกียรติเราสูงกว่ามนุษย์คนไหนจะให้ได้


...สิ่งสารพัด...
มนุษย์มองเห็นสิ่งใดว่ามีค่า ก็ยึด หา จับเอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นของตัว
ชาวโครินธ์เดินตามอย่างมนุษย์ ที่จับยึดสิ่งของมองเห็นเหล่านั้น
จนลืมไปว่า สิ่งสำคัญที่เป็นรากฐานของชีวิต ไม่ได้มองเห็นด้วยตาเลย

ตั้งแต่ปฐมกาล พระเจ้าบอกว่า สิ่งสารพัดทั้งสิ้น พระองค์ทรงให้มนุษย์ครอบครอง
--ปฐก 1:26--

ทุกสิ่งนั้นเป็นของเรา (21)
และเราเป็นของพระเจ้า
พระเจ้าเป็นผู้มอบให้
ไม่ใช่ได้มาด้วยตัวเราเอง

คริสเตียนผู้ได้ชื่อว่า ดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณ
ทั้งในเมืองโครินธ์ และในโลกปัจจุบัน
คงต้องเลือกอย่างจริงจังแล้วว่า...

จะแสวงหาสิ่งที่สายตาและความคิดมนุษย์จับต้องได้ต่อไป

หรือจะกลับมาแสวงหาพระเจ้าที่มองไม่เห็น ผู้ทรงสร้างและให้ทุกสิ่งอย่าง
และดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณ
โดยเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นในสายตาอันจำกัดของตนเองเสียที

ไม่มีความคิดเห็น: