6.25.2552

สติกับพระวิญญาณ

ชีวิตช่วงนี้ไม่ได้อยู่กับร่้องกับรอยเท่าไหร่
สังเกตุได้จากความห่างเหินใน Blog ทั้ง imbamee และ rinnah-me

เริ่มพะวงอยู่กับอนาคต
และบางทีก็คิดถึงอดีต

ศาสนาพุทธมีหลักคำสอนบอกให้เรามีสติ กำหนดรู้ทุกลมหายใจ
รู้เท่าทันความคิด ความรู้สึก และสถานการณ์

พระคัมภีร์บอกให้เรามีชีวิตโดยพระวิญญาณ
มีสติ ไม่เมาเหล้าองุ่น
เอเฟซัส 5:18

ในมธ 6:25-34 บอกเราว่า
อย่ากระวนกระวายในวันข้างหน้า
เพราะว่ามีพระเจ้าที่วางใจได้ดูแลอยู่

หมี่เข้าใจว่า การดำเนินชีวิตในพระวิญญาณ
คือรู้เท่าทันเนื้อหนังแห่งความบาปของตนเอง

รู้เท่าทันความกลัวและวิตกกังวลในจิตใจ
รู้ว่า อะไรคือความจริงที่พระเจ้าได้บอกไว้
อะไรคือความรู้สึกที่มาจากการเร้าใจในพระวิญญาณ
และอะไรคือความคิดที่มาจากนิสัยบาปที่เราเคยชิน

คนที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่โดยพระเจ้า
หมี่เชื่อว่า ถ้าเขามีสติ ใช้ความคิดด้วยความรู้สำนึกว่าเขาเป็นคริสเตียน
เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองทำบาปแน่ๆ
นอกจากว่า เผลอ ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์ ความรู้สึก และความคิดแบบโลก

ตอนนี้เริ่มละ
เริ่มกังวลแบบโลก
มองอนาคตแบบโลก

พระเจ้าคะ
ช่วยด้วยอีกหนึ่งรอบ
เอาสติมาอยู่กับพระวิญญาณในตัวหมี่ที

6.11.2552

กลับมา..

มองพระพักตร์องค์พระเยซู
กลับมาชมพระพักตร์อัศจรรย์

กลับมาหาพระองค์ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง
และอาศํยอยู่ในพระคุณพระองค์

และอาศัย...
อยู่ในพระคุณพระองค์

เพราะพระเจ้ามีพระคุณ รักและเมตตา
เราจึงจะไม่กลัวอะไร

6.03.2552

เราบอกความจริงแก่ท่านว่า...

ยอห์น 6:26
"เราบอกความจริงแก่ท่านว่า..."

วันนี้อ่านพระคัมภีร์ ยอห์น 6:22-27

บรรดาคนที่ได้รับอาหารจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัว
เดินทางตามหาพระเยซูและสาวก
ถึงขั้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาแต่ไกล

พระเยซูบอกพวกเขาว่า เขาตามหาพระองค์ไม่ใช่เพราะหมายสำคัญ
แต่เพราะขนมปังที่ทำให้อิ่มท้อง

เมื่อวานอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
บอกว่า อย่าเสพติดความรู้สึกดีๆ ของการทรงสถิต
แต่จง focus ที่พระเจ้า
พระลักษณะของพระองค์
แสวงหาการใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์ เพื่อฟังถ้อยคำของพระองค์
ไม่ใช่เพื่อความรู้สึกดีๆ

น่าละอายจัง
เราเผลอ focus กับความสุขสบายส่วนตัวได้ง่ายจริงๆ

นี่ไง พระเยซูเลยเตือนคนที่มาหาพระองค์
"เราบอกความจริงแก่ท่านว่า..."

พระองค์ให้ความจริงชันสูตรและเปิดเผยท่าทีของคน

ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้ได้อธิษฐาน นมัสการ
กลับมาหาพระองค์ นั่งฟังเสียงของพระองค์
พูดคุยกับพระองค์

พระเจ้าบอกว่า คุยกับพระเจ้า พระเจ้าจะให้ความจริง
พระองค์จะให้สัจจะ ที่จะทำให้เราเป็นไท

เวลาห่างไกลจากพระองค์
เราก็มีแนวโน้มจะห่างไกลความจริงของพระองค์

และเพราะเราไม่ได้ยินเสียงพระเจ้า ไม่มีทิศทางจากพระเจ้า
เราก็ต้องใช้การตอบสนองด้วยสมองและความคิดของเรา
คิดอะไร ทำอะไรแบบ มนุษย์ๆ แล้วก็เหนื่อยและสับสน
ก็มันเป็นคนละวิถีทางกันกับตอนที่เราใกล้ชิดพระเจ้านี่นา

ทัศนคติเริ่มเปลี่ยน เริ่มมองอะไรด้วยความไม่เข้าใจ
ไม่สว่างเหมือนเคย

ความจริงของพระเจ้าเปิดตาใจ ทำให้ทางสว่าง

มนุษย์นี่นะ
ทันทีที่เราห่างจากพระเจ้า
เราก็พร้อมจะหลง พร้อมจะงง พร้อมจะสับสน
พร้อมจะไม่ชอบ พร้อมจะท้อใจ พร้อมจะไม่เอาได้ตลอดเวลา

กลับมาหาพระเจ้า
ติดสนิทประจำวัน
เพื่อให้ความจริงของพระองค์เป็นหนทางและกำลังของเรา

เราบอกความจริงแก่ท่านว่า
นี่ไม่ใช่เคล็ดลับ แต่เป็นเงื่อนไขสำคัญ