1.26.2552

ถ้าท่านเชื่อ....

หลังจากกลับมาถึงบ้าน จบสิ้นกับทุกอย่างที่ผ่านมาตลอดทั้งวัน
สิ่งแรกที่ทำ คืออธิษฐานและนมัสการ...

สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสัปดาห์แห่งการ "งานเข้า" อย่างแท้จริง
เริ่มตั้งแต่วันจันทร์
อังคาร
พุธ
.
.
.
.

จะว่าไปก็ทุกวันนั่นแหละ
ชีวิตกำลังถูกขยาย
พระเจ้าตอบคำอธิษฐานมากมาย
อยากเติบโต อยากเป็นพร ก็เอาซะเลยไง

อธิษฐานด้วยความเป็นห่วง
กังวลเล็กๆ ว่าจะไม่ไหว
แล้วก็กลัวว่างานมากมายที่เรามีภาระใจและก้าวลงไปทำเนี่ย
จะหลุดด้วยมือของเราเอง

"ถ้าเจ้าเชื่อ ก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า"
พระเจ้ามาหนุนใจด้วยถ้อยคำนี้
ไม่ได้ขอพระเจ้าขยายความเชื่ออย่างเจาะจงมานานมากแล้ว

ต่อด้วยการเฝ้าเดี่ยวในพระคัมภีร์ มธ 9:18-26
หญิงป่วยเป็นโรคตกเลือด ที่แตะต้องฉลองพระองค์แล้วหาย
และลูกสาวของขุนนางที่ตายแล้วฟื้น

หญิงตกเลือดไม่ได้หาย เพราะชายฉลองพระองค์ แต่เพราะความเชื่อ
และแม้กระทั่งคนไม่เชื่อ
(24) พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า "จงถอยออกไปเถิด ด้วยว่าเด็กหญิงคนนี้ยังไม่ตาย เป็นแต่นอนหลับอยู่" เขาก็พากันหัวเราะเยาะพระองค์
พระเจ้าก็ทำการยิ่งใหญ่ได้ ถ้าพระองค์จะทรงโปรด

ว่าแล้วก็อธิษฐานกับพระเจ้าอย่างจริงจัง ขอพระเจ้าขยายความเชื่อทีเถอะพระองค์
อยากเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ในตัวเรา
ในการงานของเรา
ในการรับใช้ของเรา
และในตัวคนรอบข้างของเรา


ขอบคุณพระองค์สำหรับกำลังใจ คำหนุนน้ำใจ
วันนี้ได้แต๊ะเอียด้วย
ลูกของพระเจ้าไม่เคยขาดสิ่งใดๆ เลยจริงๆค่ะ
ขอบคุณพระเยซูสุดใจขาดดิ้น

"ถ้าท่านเชื่อ ท่านจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า"

1.23.2552

คบคนพาล พาลพาไปหาผิด ??

เฝ้าเดี่ยวใน มธ 8:9-13
พูดถึงเรื่อง "คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ"
ก็สะท้อนให้หันกลับมามองตัวเอง
ต้องรักษาความถ่อมใจไว้เสมอ

สิ่งที่น่าคิดอีกอย่างในพระคัมภีร์ตอนนี้
ตามสุภาษิตดั้งเดิมกล่าวว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
ผู้ใหญ่ก็จะเตือนให้เราระวังในการคบเพื่อน
เพี่อที่ว่าเราจะไม่ถูกเพื่อที่ไม่ดีมาถ่วงความจำเริญในชีวิต

แต่พระเยซูทำในสิ่งตรงกันข้ามทีเดียวเชียว

ซึ่งหมี่คิดว่า เราก็ควรทำเช่นนั้น
ถ้าเราสามารถเป็นหมอได้...

ใช้เวลาศึกษาและบ่มเพาะประสบการณ์ในการรักษาเรื่อยๆ ก็แล้วกันนะ

1.21.2552

ว่าด้วย มธ 8:14 เป็นต้นไป

เฝ้าเดี่ยวติดต่อกันหลายวัน
แต่ไม่มีความสามารถในการอัพบล๊อกให้ได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน

ค่อยๆ ย้อนความจำ ทบทวนกลับไปละกัน
วันนี้ เฝ้าเดี่ยวใน มธ 8:28-34
เป็นเรื่องราวของการขับไล่ผีที่ชื่อ "กอง" ในเมืองกาดารา
อ่านแล้วรู้สึกว่า ผีกองนี้ (หรือกองอื่นๆ ด้วยเนี่ยนะ) มันช่างชั่วร้ายไร้มโนธรรมจริงๆ

ทำร้ายคน ทำลายสัตว์ ทำให้คนอื่นๆ กลัว จนหัวหด
จิตใจตกต่ำไปแล้ว
อย่างคนในเมืองนี้คงโดนไปเยอะ
ขนาดพระเยซูมาช่วยไล่ผี ทำอัศจรรย์กับคน
ยังถูกเชิญให้ออกจากเมืองเพราะว่ากลัว
เสียดายโอกาส

อย่างไรก็ตาม พระเจ้าชี้ให้เห็นอีกหนึ่งอย่างว่า..
พระเยซูมีวิธีการในการช่วยเหลือเขา
ก็คนที่พระองค์ช่วยมาจากการถูกผีสิงนั่นไง อยากจะติดตามพระองค์ไปด้วย
แต่พระเยซูไล่กลับไปประกาศและบอกข่าวดีแก่พี่น้องในเมืองทั้งหลาย

ได้ข้อคิดว่า พระเจ้าช่วยกู้เรา วัตถุประสงค์อย่างหนึ่งก็เพื่อการเป็นพรต่อคนอื่นนะ
แล้วก็ต้องระวังมารให้ดีเชียว ไม่ว่าใครหน้าไหน มันไม่สนใจ เอาทุกวิถีทางให้ได้บั่นทอน
น่ากลัวจริงๆ

ก่อนหน้านั้น ประมาณวันจันทร์
เฝ้าเดี่ยวใน มธ 8:23-27
เรื่องพระเยซูที่หลับในเรือท่ามกลางพายุ
Classic มาก
ใคร่ครวญบ่อยเหลือเกิน ข้อนี้

จะว่าไป ถ้าเราเป็นสาวกในเรือ เราก็คงเวิ่นเว้ออยู่มากนะ
อะไร (ฟะ) เรือจะล่มแล้ว หลับอยู่ได้นะท่าน

แต่จะว่าไป (อีกแล้ว) สาวกไม่รู้จักพระเยซูหรือยังไง
ถ้าภัยมาและเป็นอันตรายต่อคนภายใต้
มีเหรอที่พระองค์จะนิ่งนอนใจ
นี่ถึงขั้นไปปลุกแบบโวยวายกันทีเดียว
จะพินาศแล้ววว ตื่นมาดูหน่อย

พระเจ้าไม่เคยนิทรา จำเอาไว้บอกตัวเองเวลาที่เป็นกระต่ายตื่นตูม

มธ 8:19-22
เขียนหัวข้อไว้ว่า ทรงลองใจผู้ติดตามพระองค์

สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง
แต่บุตรมนุษย์ไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ

แม้จะเป็นแค่คำลองใจ แต่ก็ตกผลึกได้หนึ่งเรื่อง
เกี่ยวกับ "ความมั่นคง" ในแนวคิดของพระเยซู
ไม่ใช่การมีทรัพย์สินมากมาย ไม่ใช่การมีบ้านที่เป็นหลักแหล่ง
ไม่ใช่ความปลอดภัยในฝ่ายร่างกาย จ่ายค่าประกันแล้วหายห่วง
ความมั่งคงของพระองค์เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น
แต่มีจริง สัมผัลได้จริง
ฮบ 11:1

มธ 8:14-18
พระเยซูทำงานหนักจังเลยอ่า
ค่ำมืดแล้วแต่ก็ยังรักษาคนมากมาย

ข้อพระคัมภีร์ที่บอกว่า...

ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลายและหอบโรคของเราไป

เคยแตะต้องใจหมี่อย่างถึงที่สุด

พระเจ้ารักเราจัง

ยอมทุกอย่างเพื่อให้เราสบาย และหายดี



หลับฝันดี มีพระเยซูอยู่ข้างๆนะคะ
^_^

1.18.2552

:::: ลูกเอย แม่จะกล่อม ::::

วันนี้ตอนนมัสการ
พระเจ้าให้นึกถึงเพลงกล่อมเด็ก แล้วก็เห็นภาพ
เป็นภาพของเปล ทารกที่นอนอยู่ในเปล
และแม่ที่กำลังกล่อมทารกน้อยให้นอนหลับ
พักสงบ...

ถ้าหากว่าเราเป็นเด็กน้อยคนนั้น
ก็คงจะนอนหลับสบาย...
ไม่ต้องคิดถึงงาน
ไม่ต้องคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต
ไม่ต้องคิดว่าตัวเองทำอะไรดีหรือไม่ดี
ไม่ต้องคิดว่าคนอื่นจะมองเรายังไง

เพียงแค่ฟังเสียงกล่อมของแม่
สัมผัสความรักและความอบอุ่นของแม่
แล้วก็พักสงบ และรอการเติบโตตามเวลา ด้วยการเลี้ยงดูของแม่
อุ่นใจและสบายใจ ไม่มีอะไรเหมือนเชียวล่ะ...

พรุ่งนี้ค่อยมาอัพเรื่องเฝ้าเดี่ยว
คืนนี้ไม่ไหวละ

1.14.2552

ชีวิตที่นับได้

วันนี้นำอธิษฐานในแคร์
ขอบคุณพระเจ้า รู้สึกว่าอธิษฐานแล้วมีพลัง พระเจ้าอยู่ด้วย

ช่วงที่นมัสการพระเจ้า
ก็นึกถึงชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง
ช่วงหลังจากเชื่อพระเจ้าแล้ว
ที่ผ่านความรู้สึกและเหตุการณ์ต่างๆ มาเยอะแยะมากมาย

ให้นับก็นับไม่ได้
ให้นึกก็นึกไม่หมด

ต่างจากชีวิตก่อนเชื่อพระเจ้ายิ่งนัก
มีคุณค่ากว่ากันเยอะ

กางเขนและโลหิตของพระเจ้าช่างทรงพลัง
ความรักพระเจ้ายิ่งใหญ่
แล้วก็ทำสิ่งยิ่งใหญ่ในชีวิตหมี่มากนัก

ขอบคุณค่ะพระเจ้า

1.13.2552

เพียงแต่พระองค์จะโปรด

เมื่อวานได้เฝ้าเดี่ยวใน มธ 8:1-4
คนโรคเรื้อนบอกว่า "เพียงแต่พระองค์จะทรงโปรด"
รู้สึกว่าเป็นคำอธิษฐานที่วิงวอนและยำเกรงพระเจ้าอย่างมาก
ท่าทีแบบนี้ เป็นท่าที่ที่พระเจ้าโปรด

ก็เลยหา่ยโรคซะ

ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือว่า
อย่าลืมทำตามขั้นตอนกระบวนการของพระเจ้า
ไม่ใช่เอาแต่ดีใจที่พระเจ้าอวยพร แล้วก็ไปป่าวร้อง
แต่ไม่ได้ถวายเครื่องบูชาตามที่พระเยซูสั่ง (ตามหลักการที่โมเสสบอก) ไว้
ทำให้ไม่ได้เป็นพระพรหรือเป็น "หลักฐาน" ให้คนอื่นเห็น

ฟังเสียงพระเจ้าให้ชัด ครบถ้วน
รู้จักวิธีการและกระบวนการของพระองค์

1.11.2552

เอาเข้าไปใน มธ 7

ไม่ได้มาอัพเดทชีวิตเฝ้าเดี่ยวซะหลายวัน
เนื่องจากหายไปกับความวุ่นวายของการเตรียมงานไปเชียงใหม่
แล้วก็ช่วงปีใหม่ ที่ไม่ได้เข้า internet ซะหลายวัน

มาไล่กันสักหน่อย
วันที่.........(จำไม่ได้)
มธ 7:7-12
จงขอแล้วจะได้......
วันนี้จำได้ว่าพอเฝ้าเดี่ยวเสร็จ ก็เอาการ์ดหนุนใจมาเขียนขอโทษให้น้องคนหนึ่ง
เพราะว่า "สิ่งสารพัดที่ท่านปรารถนาให้มนุษย์ทำกับท่าน ท่านจงทำอย่างนั้นกับเขาเหมือนกัน"

มธ 7:13-14
ประตูกว้าง ... ทางแคบ
ทางแคบคือทางที่ยาก
ค้นที่หาพบก็มีน้อย
การก้าวข้ามผ่านอะไรหลายๆ อย่างไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มักจะต้องต่อสู้
ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ แล้วเราจะเห็นคุณค่า

พระเจ้าคะ ถ้ารู้ว่าต้องไป ยากแค่ไหน เราก็จะไป
ผู้รับใช้พระเจ้าต้องใจๆ อย่างนี้ใช่ไหมคะ

มธ 7:15-23
เป็นของแท้ของพระเจ้า
และรู้จักของแท้ของพระเจ้า

ว่าแล้วก็ต้องมาสำรวจชีวิตตัวเองนะเนี่ย
ที่พูดๆ กับพระเจ้าทุกวัน คือพระเจ้าถูกคนใช่ไหม
ไม่ใช่พูดอยู่แต่กับตัวเอง เอาตัวเองเป็นรูปเคารพ

พระเจ้า confirm น่า
ขอบคุณค่ะพระองค์
ตอบหนูเกือบทุกคำถามแล้ว
^_^


มธ 7:24-29
วันนี้นี่เอง
11/01/2009
เฝ้าเดี่ยวเกี่ยวการสร้างเรือนบนศิลา

วันนี้มี Bible Class พิเศษ เรื่องการวางแผนชีวิต
ไม่ใช่แค่การวางแผนเวลา แต่ว่าเป็นการวางแผนชีวิต
เริ่มต้นที่เป้าหมาย สำคัญคืออยู่ในกรอบพระมหาบัญชา มธ 28:19-20
เดินไปด้วยการกำหนดแผนและวิธีการ

วางไว้ให้พระเจ้าดูแล...

เรือนที่ว่า เปรียบได้เหมือนกับชีวิต
การสร้างชีวิตให้ผลิดอกออกผลและมั่นคง ต้องสร้างบนหลักการและวิธีการของพระเจ้า
ไม่สำคัญเลยว่าเรามีอะไร
วันนี้ก็บอกตัวเองได้ ว่าเราไม่มีอะไร

มีอย่างเดียวคือชีวิตที่พระเจ้าใส่สิ่งดีไว้มากมาย
ชีวิตที่ถูกดูแลโดยพระองค์เอง
แค่นี้ก็รู้สึกมั่นคง
เรามีหน้าที่ในการใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่ปัญญาและความพยายามของมนุษย์คนหนึ่งจะทำได้
คือทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
เดินตามสิ่งที่พระเจ้าสอนไว้ บอกไว้ และจะนำต่อๆไป

อย่าปล่อยให้ชีวิตพลังทลาย
เหมือนเรือนที่สร้างบนดินทราย
เอาชีวิตไปติดอยู่กับ เงินทอง ผู้คน สังคม
ดูเหมือนมั่นคง
แต่ว่าก็พร้อมที่จะพลังทลายได้ทุกเวลา

1.05.2552

คิด และ มอง

ไปโบสถ์นมัสการพระเจ้าวันนี้
พระเจ้าพูดด้วยเยอะแยะเลย

พระเจ้าบอกว่า พระเจ้าเป็นผู้บรรจุจิตใจและความคิดใหม่ให้กับเรา
ต้องถ่อมใจและพึ่งพาพระเจ้าให้มากๆ จะได้ไม่เดินตามใจตัวเอง

พระเจ้าบอกว่า ให้เรารักและอธิษฐานเผื่อคนอื่น
ให้จิตใจเราอ่อนโยนเพื่อคนอื่น และเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นพระพรแก่คนอื่น

พระเจ้าบอกว่า พระเจ้าให้เราเป็นเกลือและแสงสว่าง เป็นพรแก่คนในโลก
เป็นหยดน้ำเล็กที่จะแผ่กระจาย
เป็นคนเล็กน้อยที่จะเกิดผลใหญ่

เวลาที่พระเจ้าพูดด้วยเยอะๆ
ให้กำลังใจเยอะๆ
มักจะหัวใจเต้นแรงงง


มธ 7:1-6
เฝ้าเดี่ยวในข้อพระคัมภีร์ที่ต่อเนื่องจากครั้งก่อน
หลังจากที่ปีใหม่หายไปยาว ร่อนทั่วเมืองเหนือกับญาติพี่น้องเป็นฝูง ไม่ได้มีเวลาพักสงบเข้าเฝ้าพระเจ้าสักเท่าไหร่

พระเจ้าให้ข้อคิดผ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า

1. เราไม่ควรไปตัดสินพี่น้องหรือใครคนใดทั้งสิ้น เพราะเราไม่รู้จักเขา
ความคิดของเราอาจจะถูกต้อง หลักการเราอาจจะดี ความตั้งใจเราอาจจะดี
แต่บางที เราไม่ได้สัพพัญญู ไม่สามารถรู้จักเขาทั้งชีวิต
ทำให้เราไปวิพากษ์วิจารณ์ท่าที ความคิด หรือการกระทำของเขาว่าผิดไม่ได้
นอกจากเขาจะเอ่ยมาเอง หรือมีหลักฐาน 100%
แม้กระนั้น หลายๆ ครั้งก็ไม่ใช่หน้าที่เราที่จะไปพิพากษาหรือลงอาญาผู้ใด

2. ถ้าเราไม่รู้จักตัวเอง มองตัวเอง และวิเคราะห์ตัวเองให้ถูก
เราก็ไม่ควรจะไปตักเตือนคนอื่น
เพราะว่าคนที่ไม่เข้าใจแม้กระทั่งตัวเอง จะเข้าใจคนอื่นได้ลึกซึ้งได้ยังไง
เราเตือนคนอื่นด้วยอคติหรือไม่ เราจะตอบตัวเองได้เต็มปากเต็มคำหรือเปล่า
ต้องเริ่มต้นจากการมองตัวเอง แก้ไขพัฒนาตัวเอง เข้าใจตัวเอง
เรียกว่าศึกษาภาคปฏิบัติให้รู้จริงซะก่อน
แล้วค่อยลงสนาม

3.คิดให้รอบคอบ เพราะเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ
ตวงให้คนอื่นด้วยทะนานอันใด
ก็จะได้ทะนานนั้นนั่นแล

คิดให้มาก ก่อนจะทำอะไร ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น
เวลาที่ต้องรับผิดชอบจะไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
ทุกอย่างส่งผลกลับมาแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เหลือ มธ 7:7 ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะพระเจ้า