1.05.2552

คิด และ มอง

ไปโบสถ์นมัสการพระเจ้าวันนี้
พระเจ้าพูดด้วยเยอะแยะเลย

พระเจ้าบอกว่า พระเจ้าเป็นผู้บรรจุจิตใจและความคิดใหม่ให้กับเรา
ต้องถ่อมใจและพึ่งพาพระเจ้าให้มากๆ จะได้ไม่เดินตามใจตัวเอง

พระเจ้าบอกว่า ให้เรารักและอธิษฐานเผื่อคนอื่น
ให้จิตใจเราอ่อนโยนเพื่อคนอื่น และเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นพระพรแก่คนอื่น

พระเจ้าบอกว่า พระเจ้าให้เราเป็นเกลือและแสงสว่าง เป็นพรแก่คนในโลก
เป็นหยดน้ำเล็กที่จะแผ่กระจาย
เป็นคนเล็กน้อยที่จะเกิดผลใหญ่

เวลาที่พระเจ้าพูดด้วยเยอะๆ
ให้กำลังใจเยอะๆ
มักจะหัวใจเต้นแรงงง


มธ 7:1-6
เฝ้าเดี่ยวในข้อพระคัมภีร์ที่ต่อเนื่องจากครั้งก่อน
หลังจากที่ปีใหม่หายไปยาว ร่อนทั่วเมืองเหนือกับญาติพี่น้องเป็นฝูง ไม่ได้มีเวลาพักสงบเข้าเฝ้าพระเจ้าสักเท่าไหร่

พระเจ้าให้ข้อคิดผ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า

1. เราไม่ควรไปตัดสินพี่น้องหรือใครคนใดทั้งสิ้น เพราะเราไม่รู้จักเขา
ความคิดของเราอาจจะถูกต้อง หลักการเราอาจจะดี ความตั้งใจเราอาจจะดี
แต่บางที เราไม่ได้สัพพัญญู ไม่สามารถรู้จักเขาทั้งชีวิต
ทำให้เราไปวิพากษ์วิจารณ์ท่าที ความคิด หรือการกระทำของเขาว่าผิดไม่ได้
นอกจากเขาจะเอ่ยมาเอง หรือมีหลักฐาน 100%
แม้กระนั้น หลายๆ ครั้งก็ไม่ใช่หน้าที่เราที่จะไปพิพากษาหรือลงอาญาผู้ใด

2. ถ้าเราไม่รู้จักตัวเอง มองตัวเอง และวิเคราะห์ตัวเองให้ถูก
เราก็ไม่ควรจะไปตักเตือนคนอื่น
เพราะว่าคนที่ไม่เข้าใจแม้กระทั่งตัวเอง จะเข้าใจคนอื่นได้ลึกซึ้งได้ยังไง
เราเตือนคนอื่นด้วยอคติหรือไม่ เราจะตอบตัวเองได้เต็มปากเต็มคำหรือเปล่า
ต้องเริ่มต้นจากการมองตัวเอง แก้ไขพัฒนาตัวเอง เข้าใจตัวเอง
เรียกว่าศึกษาภาคปฏิบัติให้รู้จริงซะก่อน
แล้วค่อยลงสนาม

3.คิดให้รอบคอบ เพราะเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ
ตวงให้คนอื่นด้วยทะนานอันใด
ก็จะได้ทะนานนั้นนั่นแล

คิดให้มาก ก่อนจะทำอะไร ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนอื่น
เวลาที่ต้องรับผิดชอบจะไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
ทุกอย่างส่งผลกลับมาแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เหลือ มธ 7:7 ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะพระเจ้า

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

วันอังคารที่แล้ว พระเจ้าพูดผ่านขิงในแคร์ว่า "จงมอบจิตใจที่แท้จริงของท่านไว้ต่อพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นจิตใจที่ฟกช้ำหรือเจ็บปวด พระองค์ทรงรับด้วยเต็มพระทัย เพราะพระองค์ประสงค์จิตใจเช่นนั้นเป็นเครื่องบูชาแด่พระองค์"

มธ.7:7 อยู่ในบริบทเดียวกับข้อ 8 จนถึง 11 เรื่องการประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ข้อที่ยังไม่ค่อยเข้าใจน่ะ ข้อ 6 ใช่ไหม พิมพ์ผิดหรือเปล่า

ของบริสุทธิ์หรือของประเสริฐ กับ ไข่มุก เล็งถึง หลักการและความจริงของข่าวประเสริฐ (ข้อ1 พูดถึงเรื่องการกล่าวโทษ - เราจะกล่าวโทษผู้อื่นได้ นั่นคือ เรารู้ว่าสิ่งใดถูก/ผิด นั่นคือ เรารู้หลักการและความจริง) ในข้อนี้ พระคัมภีร์กำลังให้น้ำหนักถึงการไม่ควรกล่าวเตือน/แนะนำ แก่คนที่จมปลักอยู่ในความเลวทราม เพราะเขาจะรับมันด้วยความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามและหันกลับมาตำหนิเราด้วย

หากพิจารณาทั้งบริบทตั้งแต่ข้อ1-6 เราจะพบว่า พระเยซูกำลังสอนเราเรื่อง ท่าทีในการเตือนคน
โดยแบ่งเป็น 2 หมวด
หมวดแรก พิจารณาท่าทีตนเอง
1. ผู้จะเตือนคนอื่นต้องรู้หลักการและความจริงในเรื่องนั้นๆที่จะเตือน (ข้อ1-2)
2. เตือนด้วยใจปรารถนาช่วยเหลือ มิใช่ทำร้ายทำลายกัน "อย่ากล่าวโทษ"
3. เตือนด้วยการสำนึกว่าเราจะต้องรับผิดชอบการเตือนนี้กับพระเจ้า (ข้อ 2)
4. เตือนด้วยใจถ่อม สำนึกว่าเราทั้งหลายต่างมีโอกาสสามารถทำผิดพลาดได้ (ไม่ได้คิดว่าฉันดีกว่าเธอ)(ข้อ 3)
5. เตือนคนอย่างสมจริงสมจัง (ไม่เตือนคนอย่างเพ้อเจ้อ) (ข้อ4) เข้าใจบริบทของเขาตามความเป็นจริง หากไม้ทั้งท่อนยังอยู่ในตาของเรา เราจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามจริงได้อย่างไร นอกจากเห็นตามที่เราคิดเอาเองว่าจริง
6. เตือนคนด้วยชีวิต (ข้อ 5) การชักไม้ออกจากตา เล็งถึงการกลับใจใหม่ การเตือนที่มีพลัง เกิดจากการเตือนของคนที่มีชีวิตอยู่ในความจริง ระดับความจริงในชีวิตสูงกว่า สิทธิอำนาจในความจริงสูงกว่า จึงสามารถนำความจริงนั้นมา ปลดปล่อย ผู้อื่นได้

หมวดสอง พิจารณาท่าทีของผู้ที่เราจะเตือน
7. เตือนผู้ที่รับฟังคำเตือน (ข้อ6) ก็ตามที่อธิบายไปข้างต้นนะครับ ใน สุภาษิต หลายข้อ ที่บอกว่า อย่าเตือนคนชั่วร้าย เช่น สภษ.9:8 "..อย่าตักเตือนคนมักเยาะเย้ย เพราะเขาจะเกลียดเจ้า.."

คงเข้าใจมากขึ้นนะครับ แต่ถ้าพระเจ้าสอนอะไรมากกว่านี้ ก็แบ่งปันกันบ้างนะครับ